LeadingPower...

 

กองทุนรวมเพื่อการออม หรือ Super Savings Fund (SSF)

พุธ/ธ.ค./2019by admin

ครม.เคาะจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อการออม SSF ทดแทนกองทุน LTF หักลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินพึงได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อปี ถือยาว 10 ปี พร้อมเปิดกว้างให้ลงทุนหลักทรัพย์ทุกประเภท ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทยระบุ รัฐรวมวงเงินลงทุนในกองทุน ที่จะนำมาลดหย่อนภาษีได้ เหลือแค่ 5 แสน จากเดิม 1 ล้านบาท ทำให้คนรายได้ปานกลางที่มีศักยภาพในการออมสูง อาจเลือกออมน้อยลง

นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการส่งเสริมการออมระยะยาว ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ประกอบด้วย การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อกองทุนรวมเพื่อการออม หรือ Super Savings Fund (SSF) และการปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ Retirement Mutual Fund (RMF) เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนมีการออมระยะยาวมากขึ้น ซึ่งการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจะเน้นให้กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางถึงน้อยและผู้ที่เริ่มต้นวัยทำงานได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อจูงใจให้ประชาชนกลุ่มดังกล่าวเริ่มต้นการออมระยะยาวโดยเร็ว

สำหรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุน SSF ซึ่งเป็นกองทุนเพื่อการออมระยะยาวที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อทดแทนการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว หรือ LTF ที่สิ้นสุดสิทธิประโยชน์ทางภาษีในปี 2562 มีดังนี้ 1.ให้บุคคลธรรมดาสามารถหักลดหย่อนภาษีเงินได้สำหรับเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน SSF ไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 200,000 บาท โดยเมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณ อายุอื่นๆ อาทิ กองทุน RMF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนการออมแห่งชาติ หรือเบี้ยประกันภัยสำหรับการประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นต้น แล้วต้องไม่เกิน 500,000 บาท ในแต่ละปีภาษี

2.กองทุน SSF สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ได้ทุกประเภท 3. ไม่กำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุน 4. ผู้ซื้อกองทุน SSF สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้เมื่อถือครองมาแล้วไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ และ 5.เงินได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน SSF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้จะสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อหน่วยลงทุนใน SSF ได้ 5 ปี (2563-2567) โดยกระทรวงการคลังจะประเมินผลของมาตรการเพื่อพิจารณาแนวทางที่เหมาะสมต่อไป

นอกจากนี้ ยังปรับปรุงหลักเกณฑ์การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการซื้อกองทุน RMF ได้แก่ การปรับสัดส่วนการหักลดหย่อนภาษีสำหรับเงินที่จ่ายเป็นค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน RMF จากเดิมไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมิน เป็นไม่เกิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน โดยกำหนดวงเงินหักลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อรวมกับกองทุนการออมเพื่อการเกษียณอายุอื่นๆ อาทิ กองทุน SSF กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนออมได้มากขึ้น

ทั้งนี้ยังยกเลิกการกำหนดจำนวนขั้นต่ำในการซื้อกองทุน RMF จากเดิมกำหนดให้ซื้อไม่น้อยกว่า 3% ของเงินได้พึงประเมิน หรือไม่น้อยกว่า 5,000 บาทต่อปี เพื่อให้ผู้ที่มีรายได้ปานกลางถึงน้อยสามารถซื้อได้ โดยยังคงกำหนดให้ต้องซื้อต่อเนื่องทุกปี และไม่ระงับการซื้อเกิน 1 ปีติดต่อกันเช่นเดิม

ด้านนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลแยกวงเงินลดหย่อนภาษีของกองทุนใหม่ เพื่อสนับสนุนนักลงทุนที่วางแผนในระยะยาวแต่อย่างไรก็ตาม กองทุน SSF ที่ออกมานั้น เป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลต้องการส่งเสริมการออมของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นกลุ่มคนที่ได้ประโยชน์สูงสุดจากการจัดตั้งกองทุน SSF และการปรับเงื่อนไขกองทุน RMF คือกลุ่มคนที่รายได้ยังไม่สูงมากนัก เพราะคนกลุ่มนี้จะสามารถลงทุนสูงสุดได้ถึง 30% ของเงินได้พึงประเมิน ในแต่ละกองทุน (จากเดิม 15%) ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะการออมควรเริ่มตั้งแต่วัยเริ่มทำงาน

แต่น่าเสียดายที่รัฐบาลเอาวงเงินลดหย่อนของกองทุนเพื่อการออมทุกประเภทมารวมกัน และกำหนดเพดานเงินลงทุนที่นำมาลดหย่อนได้ไม่เกิน 500,000 บาท (จากเดิม 1 ล้านบาท) เพราะจะทำให้คนรายได้ปานกลางที่มีศักยภาพในการออมสูง อาจเลือกที่จะออมน้อยลง ในขณะที่กลุ่มเป้าหมายหลักที่รัฐบาลต้องการจะให้ออมมากๆ ถ้าส่วนใหญ่ยังเลือกที่จะไม่ออมเต็มที่ในเวลานี้ ก็จะทำให้เงินออมของทั้งระบบไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่ควร.

admin

OUR LOCATIONSWhere to find us
https://leading-power.com/wp-content/uploads/2019/09/thai-img-footer-map2.png
GET IN TOUCHLeading Power Social links
Visit us to get great manpower with great discount
Leading PowerHeadquarters
Recruitment Thailand
OUR LOCATIONSWhere to find us
GET IN TOUCHLeading Power Social links
Contact us for more details

Copyright by Leading-Power.com. All rights reserved.

Copyright by Leading-Power.com. All rights reserved.